สัญลักษณ์ และ รหัสแสดงอันตรายของสารเคมี
จารุวรรณ วิริยะหิรัญไพบูลย์
สารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของมนุษย์ยุคปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสารเคมีระดับหนึ่ง เพื่อที่จะสามารถใช้สารเคมีได้อย่างถูกต้อง และเพื่อจะสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดกับสุขภาพหรือชีวิต
นอกจากนี้สารเคมีที่เหลือทิ้งจะต้องมีวิธีการกำจัดที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายกับระบบนิเวศน์ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และพืชได้ ดังนั้นเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดสัญลักษณ์แสดงอันตราย (Safety Signs) เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายสากลที่เข้าใจตรงกัน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถป้องกันอันตรายทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ สัญลักษณ์และรหัสต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถพบได้ในเอกสารข้อมูลความปลอดภัยในการใช้สารเคมีและวัตถุอันตราย (Material Safety Data Sheet, MNDS) ในคู่มือการใช้สารเคมีของบริษัทผู้ผลิต จากฉลากที่ติดบนภาชนะบรรจุ หรือที่ติดอยู่บนรถบรรทุกสารเคมีนั้น ๆ
| สัญลักษณ์แสดงอันตราย (Safety Signs) |
ระบบสัญลักษณ์แสดงอันตรายที่รู้จักและนิยมใช้กันมีหลายระบบ เช่น ระบบ NFPA (The National Fire Protection Association ) ของสหรัฐอเมริกา ระบบ EEC (The European Economic Council) และระบบ IMO (International Maritime Organization) เป็นต้น ซึ่งจะขอกล่าวรายละเอียดเฉพาะสองระบบแรก

1. ระบบ NFPA กำหนดสัญลักษณ์แสดงอันตรายเป็นรูปเพชร (Diamond-shape) กล่าวคือเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่วางตั้งตามแนวเส้นทะแยงมุม ภายในแบ่งออกเป็นสี่เหลี่ยมย่อยขนาดเท่ากัน 4 รูป ใช้พื้นที่กำกับ 4 สี ได้แก่ สีแดง แสดงอันตรายจากไฟ(Flammability) สีน้ำเงิน แสดงอันตรายต่อสุขภาพ (Health) สีเหลือง แสดงความไวต่อปฏิกริยาของสาร (Reactivity) สีขาวแสดงคุณสมบัติพิเศษของสาร และใช้ตัวเลย 0 ถึง 4 แสดงถึงระดับอันตราย ดังรูปที่ 1 และสรุปรายละเอียดสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของระบบนี้ในตารางที่ 1
ตารางที่ 1 สรุปสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของระบบ NFPA
|
สี่เหลี่ยมพื้นสีแดง ด้านบน
|
สี่เหลี่ยมพื้นสีน้ำเงิน ด้านซ้าย
|
สี่เหลี่ยมพื้นสีเหลือง ด้านขวา
|
สี่เหลี่ยมพื้นสีขาว ด้านล่าง
|
| แสดงอันตรายจากไฟ(Flammability) |
แสดงอันตรายต่อสุขภาพ (Health) |
แสดงความไวต่อปฏิกริยาของสาร (Reactivity) |
แสดงช้อควรระวังพิเศษ (Special notice) |
| ระดับ 4 สารไวไฟมาก ได้แก่สารที่ระเหยเป็นไอได้รวดเร็วที่อุณหภูมิห้องที่ความดันบรรยากาศ เมื่อกระจายตัวผสมกับอากาศแล้วติดไฟได้ หรือของเหลวที่มีจุดวาบไฟ (Flash point) ต่ำกว่า 22.8 oC จุดเดือดน้อยกว่า 37.8 oC รวมทั้งสารที่ติดไฟได้เอง เมื่อสัมผัสกับอากาศ |
ระดับ 4 สารที่ได้รับเพียงเล็กน้อยจะทำให้ตายได้ หรือเป็นอันตรายรุนแรงได้รวมทั้งสารที่จะเป็นอันตรายอย่างมาก ถ้าใช้งานโดยปราศจากอุปกรณ์ป้องกัน |
ระดับ 4 สารที่สามารถย่อยสลายตัวหรือระเบิดได้ด้วยตัวเองที่อุณหภูมิห้องและความดันปกติ รวมถึงสารที่ไวต่อความร้อน และแรงสั่นสะเทือน |
เนื่องจากสารบางชนิดมีสมบัติเฉพาะตัวที่ควรสนใจเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ คุณสมบัติของสารเหล่านี้จะแสดงด้วยอักษรย่อ หรือสัญลักษณ์ ดังนี้ OX: เป็นสารออกซิไดซ์ สารเหล่านี้เมื่อเกิดปฏิกิริยาเคมีจะให้ออกซิเจน หรืออีเลคตรอน W: เป็นสารที่ทำปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ |
| ระดับ 3 ของเหลวหรือของแข็งที่ติดไฟได้ในอากาศ ที่อุณหภูมิปกติ ได้แก่สารที่มีจุดวาบไฟน้อยกว่า 22.8 oC และมีจุดเดือดมากกว่า 37.8 oC |
ระดับ 3 สารที่เมื่อสูดดมในเวลาสั้น ๆ หรือสัมผัสผิวหนัง ประมาณเล็กน้อยจะเป็นอันตรายร้ายแรงชั่วคราว หรือมีผลตกค้างได้ |
ระดับ 3 สารที่สลายหรือเกิดระเบิดได้ เมื่อได้รับความร้อนหรือแรงสันสะเทือนที่สูงพอ รวมถึงที่เกิดระเบิดได้เมื่อถูกน้ำ |
|
| ระดับ 2 สารที่ต้องใช้ความร้อนปานกลางก่อนจะติดไฟในอากาศ ถ้ามีปริมาณมากพออาจก่อให้เกิดบรรยากาศที่เป็นพิษได้ ได้แก่ของเหลวที่มีจุดวาบไฟ สูงกว่า 37.8 oC แต่ไม่เกิน 93.4oC |
ระดับ 2 สารที่เมื่อได้รับในปริมาณที่มากพอจะทำให้เกิดทุพพลภาพชั่วคราว หรือถาวรได้ รวมถึงสารที่ต้องใช้เครื่องป้องกันอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ |
ระดับ 2 สารที่จะเกิดปฏิกิริยารุนแรงในอุณหภูมิและความดันปกติ รวมถึงสารที่เกิดปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ |
|
| ระดับ 1 สารประเภทที่ต้องให้ความร้อนสูงก่อนจะติดไฟและเผาไหม้ในอากาศได้ ได้แก่สารที่มีจุดวาบไฟสูงกว่า 93.4 oC |
ระดับ 1 สารที่เมื่อได้รับในระยะเวลาสั้น ๆ จะเกิดการระคายเคืองได้ |
ระดับ 1 สารประเภทนี้ จะมีความคงตัวในสภาวะปกติ แต่ไม่มีความคงตัวเมื่ออุณหภูมิหรือความดันเพิ่ม รวมถึงสารที่สลายตัวเมื่อถูกอากาศ แสงสว่าง หรือความชื้น |
|
| ระดับ 0 วัตถุที่ไม่ติดไฟในอากาศ แม้ว่าจะให้ความร้อนสูงถึง 815.5 oC นานถึง 5 นาที |
ระดับ 0 สารประเภทนี้ ไม่เป็นอันตราย นอกจากเวลาติดไฟ |
ระดับ 0 สารประเภทนี้มีความคงตัวสูง แม้ว่าจะได้รับความร้อนก็ตาม รวมถึงสารที่ไม่ทำปฏิกริยากับน้ำ |
|
2. ระบบ EEC ตามข้อกำหนดของประชาคมยุโรป ที่ 67/548/EEC สัญลักษณ์แสดงอันตรายจะแบ่งออกตามประเภทของอันตราย โดยใช้รูปภาพสีดำเป็นสัญลักษณ์แสดงอันตรายบนพื้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีส้ม และมีอักษรย่อกำกับที่มุมขวา สัญลักษณ์ระบบ EEC ที่พบบ่อย ๆ ได้แก่

1 สารที่ระเบิดได้ (Explosive) เป็นสารที่อาจระเบิดได้ เมื่อได้รับการกระทบกระเทือน การเสียดสี ประกายไฟ และความร้อน
2 สารเร่งการติดไฟ (Oxidizing) เป็นสารที่สามารถให้ออกซิเจนออกมาเร่งการลุกไหม้ เมื่อสัมผัสกับสารไวไฟ หรือสารที่ติดไฟง่าย อาจก่อให้เกิดการติดไฟขึ้น
3 สารไวไฟสูง (Highly Flammable) เป็นแก๊สที่ไวไฟสูงหรือของเหลว ที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 0 oC และมีจุดเดือดไม่เกิน 35oC
4 สารไวไฟ (Flammable) เป็นของเหลวไวไฟที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 21oC พวกเปอร์ออกไซด์ของสารอินทรีย์และแก๊ซหรือแก๊สเหลวที่ติดไฟที่ความดันปกติ รวมทั้งสารเคมีที่เมื่อสัมผัสกับน้ำและอากาศชื้นแล้วก่อให้เกิดแก๊สไวไฟสูง
5 สารกัดกร่อน (Corrosive) เป็นสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนและทำลายเมื่อสัมผัสกับสารหรือไอสาร
6 สารมีพิษ (Toxic) เป็นสารที่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ทางระบบหายใจ ทางปาก และทางผิวหนัง อาจก่อให้เกิดพิษชนิดเฉียบพลันหรือชนิดสะสมในร่างกาย
7 สารระคายเคือง (Irritant) สารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อเนี้อเยื่อตา ผิวหนัง หรือระบบทางเดินหายใจ
8 สารอันตราย (Harmful) เป็นสารที่ก่อให้เกิดอันตราย เมื่อเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ ทางปากและทางผิวหนัง สารบางชนิดอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้
9 สารกัมมันตภาพรังสี (Radioactive) เป็นสารที่ให้กัมมันตรังสีออกมาในปริมาณที่มากกว่า 0.002 ไมโครคูรีต่อกรัม
| รหัสแสดงความเสี่ยง (Risk phase) |
เป็นรหัสที่ใช้บ่งบอกลักษณะของความเสี่ยงต่ออันตรายที่จะเกิดจากสารเคมี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 59 แบบ โดยใช้อักษร R นำหน้า ตามด้วยตัวเลข 1 ถึง 59 ที่แสดงรหัสความเสี่ยง รหัสแสดงความเสี่ยงอาจเป็นแบบรหัสเดี่ยว เช่น R20 หมายถึง เป็นสารที่เกิดอันตรายได้เมื่อสูดดม หรือรหัสแบบผสม เช่น R 20/21 หมายถึง เป็นสารอันตรายที่เกิดอันตรายได้เมื่อสูดดมและสัมผัสทางผิวหนัง และ R20/21/22 หมายถึง สารที่เกิดอันตรายได้เมื่อสูดดมสัมผัสทางผิวหนัง และเมื่อกินเข้าไปเป็นต้น รหัสแสดงความเสี่ยงต่ออันตรายมีดังนี้
รหัสแสดงอันตราย แบบรหัสเดี่ยว
| R1 |
เกิดระเบิดได้เมื่อสารแห้ง |
| R2 |
มีความเสี่ยงต่อการระเบิดเมื่อกระเทือน เสียดสี ถูกเปลวไฟ หรือมีประกายไฟเกิดขึ้น |
| R3 |
มีความเสี่ยงสูงต่อการระเบิดเมื่อกระเทือน เสียดสี ถูกเปลวไฟ หรือมีประกายไฟเกิดขึ้น |
| R4 |
เกิดเป็นสารประกอบโลหะที่ไวไฟต่อการระเบิด |
| R5 |
เกิดระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน |
| R6 |
เกิดระเบิดได้ไม่ว่าจะสัมผัสกับอากาศหรือไม่ |
| R7 |
อาจติดไฟได้ |
| R8 |
อาจติดไฟได้เมื่อสัมผัสกับวัตถุเชื้อเพลิง |
| R9 |
ระเบิดเมื่อผสมกับวัตถุเชื้อเพลิง |
| R10 |
สารไวไฟ |
| R11 |
สารไวไฟสูง |
| R12 |
สารไวไฟสูงมาก |
| R13 |
ก๊าซเหลวไวไฟสูงมาก |
| R14 |
เกิดปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำ |
| R15 |
เกิดก๊าซไวไฟสูงเมื่อสัมผัสกับน้ำ |
| R15.1 |
เกิดก๊าซไวไฟสูงเมื่อสัมผัสกับกรด |
| R16 |
ระเบิดเมื่อผสมกับสารออกซิไดซ์ |
| R17 |
ติดไฟได้เองเมื่อสัมผัสกับอากาศ |
| R18 |
ขณะใช้งานอาจเกิดสารผสมระหว่างอากาศกับไอระเหยที่ติดไฟได้หรือระเบิดได้ |
| R19 |
อาจเกิดสารเปอร์ออกไซด์ที่ระเบิดได้ |
| R20 |
อันตรายเมื่อสูดดม |
| R21 |
อันตรายเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง |
| R22 |
อันตรายเมื่อกินเข้าไป |
| R23 |
เป็นพิษเมื่อสูดดม |
| R24 |
เป็นพิษเมื่อสัมผัสผิวหนัง |
| R25 |
เป็นพิษเมื่อกินเข้าไป |
| R26 |
เป็นพิษมากเมื่อสูดดม |
| R27 |
เป็นพิษมากเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง |
| R28 |
เป็นพิษมากเมื่อกินเข้าไป |
| R29 |
เกิดก๊าซพิษเมื่อสัมผัสกับน้ำ |
| R30 |
เปลี่ยนเป็นสารไวไฟสูงได้ในขณะใช้งาน |
| R31 |
เกิดก๊าซพิษเมื่อสัมผัสกับกรด |
| R 31.1 |
เกิดก๊าซพิษเมื่อสัมผัสกับด่าง |
| R32 |
เกิดก๊าซมิพิษมากเมื่อสัมผัสกับกรด |
| R33 |
อันตรายจากการสะสม (ในร่างกาย) |
| R34 |
เกิดแผลไหม้ได้ |
| R35 |
เกิดแผลไหม้รุนแรงได้ |
| R36 |
ระคายเคืองต่อตา |
| R37 |
ระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ |
| R38 |
ระคายเคืองต่อผิวหนัง |
| R39 |
อันตรายร้ายแรงต่อร่างกายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R40 |
มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R41 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายร้ายแรงที่ตา |
| R42 |
อาจเกิดอาการแพ้เมื่อสูดดม |
| R43 |
อาจเกิดอาการแพ้เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง |
| R44 |
เสี่ยงต่อการระเบิดเมื่อได้รับความร้อนภายในพื้นที่จำกัด |
| R45 |
อาจก่อให้เกิดมะเร็ง |
| R46 |
อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการถ่ายทอดทางพันธุกรรม |
| R47 |
อาจก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ |
| R48 |
เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ เมื่อได้รับติดต่อเป็นเวลานาน |
| R49 |
อาจก่อให้เกิดมะเร็งจากการสูดดม |
| R50 |
เป็นพิษมากต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ |
| R51 |
อันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ |
| R52 |
อาจเกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ |
| R53 |
อาจเกิดผลเสียในระยะยาวต่อสภาพแวดล้อมของน้ำ |
| R54 |
เป็นพิษต่อพืช |
| R55 |
เป็นพิษต่อสัตว์ |
| R56 |
เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในดิน |
| R57 |
เป็นพิษต่อน้ำ |
| R58 |
อาจเกิดผลเสียในระยะยาวต่อสภาพแวดล้อม |
| R59 |
ก่อเกิดผลเสียต่อชั้นโอโซน |
รหัสแสดงอันตราย แบบรหัสผสม
| R14/15 |
เกิดปฏิกิริยารุนแรงกับน้ำแล้วให้ก๊าซที่ไวไฟสูง |
| R15/29 |
เกิดก๊าซพิษที่ไวไฟสูง เมื่อสัมผัสกับน้ำ |
| R20/21 |
อันตรายเมื่อสูดดม และเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง |
| R20/22 |
อันตรายเมื่อสูดดมและเมื่อกินเข้าไป |
| R20/21/22 |
อันตรายเมื่อสูดดม เมื่อสัมผัสกับผิวหนังและเมื่อกินเข้าไป |
| R21/22 |
อันตรายเมื่อสัมผัสกับผิวหนังและเมื่อกินเข้าไป |
| R23/24 |
เป็นพิษ เมื่อสูดดม และเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง |
| R23/25 |
เป็นพิษ เมื่อสูดดม และเมื่อกินเข้าไป |
| R23/24/25 |
เป็นพิษ เมื่อสูดดม เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และเมื่อกินเข้าไป |
| R24/25 |
เป็นพิษ เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และเมื่อกินเข้าไป |
| R26/27 |
เป็นพิษมาก เมื่อสูดดม และเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง |
| R26/28 |
เป็นพิษมาก เมื่อสูดดม และเมื่อกินเข้าไป |
| R26/27/28 |
เป็นพิษมาก เมื่อสูดดม เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และเมื่อกินเข้าไป |
| R27/28 |
เป็นพิษมาก เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และเมื่อกินเข้าไป |
| R36/37 |
ระคายเคืองต่อตา และทางเดินหายใจ |
| R36/38 |
ระคายเคืองต่อตา และผิวหนัง |
| R36/37/38 |
ระคายเคืองต่อตา ทางเดินหายใจ และผิวหนัง |
| R37/38 |
ระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ และผิวหนัง |
| R39/23 |
เป็นพิษ เมื่อสูดดม เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/24 |
เป็นพิษเมื่อสัมผัสกับผิวหนังเกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/25 |
เป็นพิษเมื่อกินเข้าไป เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจเกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/23/24 |
เป็นพิษ เมื่อสูดดม และสัมผัสกับผิวหนังเกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/23/25 |
เป็นพิษ เมื่อสูดดมและกินเข้าไป เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/23/24/25 |
เป็นพิษ เมื่อสูดดม สัมผัสกับผิวหนัง และกินเข้าไป เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/26 |
เป็นพิษมากเมื่อสูดดม เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/27 |
เป็นพิษมากเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/28 |
เป็นพิษมากเมื่อกินเข้าไป เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/26/27 |
เป็นพิษมากเมื่อสูดดมและ สัมผัสกับผิวหนัง เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/26/28 |
เป็นพิษมากเมื่อสูดดมและกินเข้าไป เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/27/28 |
เป็นพิษมากเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และกินเข้าไป เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R39/26/27/28 |
เป็นพิษมากเมื่อสูดดม สัมผัสกับผิวหนัง และกินเข้าไป เกิดอันตรายร้ายแรงที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ |
| R40/20 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เมื่อสูดดม |
| R40/21 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง |
| R40/22 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เมื่อกินเข้าไป |
| R40/20/21 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เมื่อสูดดม และสัมผัสกับผิวหนัง |
| R40/20/22 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เมื่อสูดดม และกินเข้าไป |
| R40/21/22 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และกินเข้าไป |
| R40/20/21/22 |
เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้ เมื่อสูดดม เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และกินเข้าไป |
| R42/23 |
อาจเกิดการแพ้เมื่อสูดดมและสัมผัสกับผิวหนัง |
| R48/20 |
อันตรายอย่างแรงต่อสุขภาพ เมื่อสูดดมเป็นเวลานาน |
| R48/21 |
อันตรายอย่างแรงต่อสุขภาพ เมื่อสัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานาน |
| R48/22 |
อันตรายอย่างแรงต่อสุขภาพ เมื่อกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| R48/20/21 |
อันตรายอย่างแรงต่อสุขภาพ เมื่อสูดดม และสัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานาน |
| R48/20/22 |
อันตรายอย่างแรงต่อสุขภาพ เมื่อสูดดม และเมื่อกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| R48/21/22 |
อันตรายอย่างแรงต่อสุขภาพ เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และเมื่อกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| R48/20/21/22 |
อันตรายอย่างแรงต่อสุขภาพ เมื่อสูดดม สัมผัสกับผิวหนัง และเมื่อกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| R48/23 |
เป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเมื่อสูดดมเป็นเวลานาน |
| R48/24 |
เป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเมื่อสัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานาน |
| R48/25 |
เป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเมื่อกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| R48/23/24 |
เป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเมื่อสูดดม และสัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานาน |
| R48/23/25 |
เป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเมื่อสูดดม และเมื่อกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| R48/24/25 |
เป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง และกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| R48/23/24/25 |
เป็นพิษ มีอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเมื่อสูดดม สัมผัสกับผิวหนัง และกินเข้าไปเป็นเวลานาน |
| รหัสแสดงความปลอดภัย (Safety phase) |
เป็นรหัสที่แสดงคำแนะนำด้านความปลอดภัยจากสารเคมีต่าง ๆ ปัจจุบันมีอยู่ 60 แบบ โดยใช้อักษร S นำหน้าตามด้วยตัวเลข 1- 60 โดยอาจแสดงเป็นรหัสเดี่ยว เช่น S1 เป็นสารที่ต้องเก็บให้มิดชิด และแสดงรหัสผสมเช่น S1/2 เป็นสารที่ต้องเก็บให้มิดชิดและห่างจากเด็ก S3/9/14 เป็นสารที่ต้องเก็บไว้ในที่เย็น มีการระบายอากาศที่ดีและเก็บห่างจาก… (สารที่อยู่ใกล้กันไม่ได้ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตจะเป็นผู้ระบุไว้) รหัสแสดงคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยมีดังนี้